ภาพจาก cupmats.blogspot.com/
|
ภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ over weight คือ ซื้อการที่ร่างกายมีน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับน้ำหนักมาตรฐานเกิน 10% แต่ไม่ถึง 20% ของน้ำหนักมาตรฐาน
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำหนักเราอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่
จะคำนวณได้ดังนี้
1. น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น
คำนวณได้จาก
น้ำหนักที่ควรจะเป็น = (ส่วนสูง(เซนติเมตร) - 100) - 10%(ส่วนสูง(เซนติเมตร) - 100)
น้ำหนักที่ควรจะเป็น = (ส่วนสูง(เซนติเมตร) - 100) - 10%(ส่วนสูง(เซนติเมตร) - 100)
*ค่าที่ได้สามารถ บวก-ลบ ได้ไม่เกิน 5 กิโลกรัม
เช่น นางสาวออม สูง 170 เซนติเมตร
น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น = (170 - 100) - 10%(170 - 100)
= 63 กิโลกรัม
= 63 กิโลกรัม
*ค่าที่ได้สามารถบวกลบได้ 5 จะได้น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น อยู่ในช่วง 58 ถึง 68 กิโลกรัม
เมื่อได้ค่านี้มาแล้วก็นำมาเปรียบเทียบกับน้ำหนักตัวของตนเอง ว่าน้ำหนักของตนเองนั้นเกินค่าในช่วงดังกล่าวหรือไม่ ถ้าเกินแสดงว่า คุณกำลังอยู่ในภาวะน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
แล้วทำอย่างไรน้ำหนักตัวจึงจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน?
อีกทางเลือกสำหรับคนที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน คือ การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ซึงเป็นวิธีการ ลดน้ำหนักที่ปลอดภัย อาหารสำหรับผู้ที่น้ำหนักตัวเกินจะเป็นอาหารจำกัดพลังงาน
อาหารจำกัดพลังงาน
คือ อาหารที่ให้พลังงานต่ำกว่าอาหารทั่วไป ซึ่งอาหารนี้จะมีพลังงานทั้งหมดประมาณ 1000 - 1200 กิโลแคลอรี่ หรืออาจกำหนดให้พลังงานลดลงจากความต้องการทั่วไป 500 - 1000 กิโลแคลอรี่ เช่น โดยทั่วไปคุณได้รับพลังงานวันละ 2500 กิโลแคลอรี่ อาจลดเหลือวันละ 2000 กิโลแคลอรี่
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า แต่ละวันคุณควรได้รับพลังงานเท่าไร?
2. พลังงานที่ควรได้รับ
คำนวณได้จาก
พลังงานที่ควรได้รับ = น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น × พลังงานต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
พลังงานที่ควรได้รับ = น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น × พลังงานต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
(พลังงานต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ถ้าเป็นผู้หญิงจะใช้ 30-40 กิโลแคลอรี่ ถ้าเป็นผู้ชายจะใช้ 35-45 กิโลแคลอรี่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันด้วยว่าใช้พลังงานมากหรือน้อย)
เช่น นางสาวออม มีน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็นอยู่ในช่วง 58 - 68 กิโลกรัม
ถ้านางสาวออมเลือกน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น คือ 60 กิโลกรัม จะได้ พลังงานที่ควรได้รับโดยทั่วไป ใน 1 วัน คือ 60×35 = 2100 กิโลแคลอรี่
ถ้านางสาวออมเลือกน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น คือ 60 กิโลกรัม จะได้ พลังงานที่ควรได้รับโดยทั่วไป ใน 1 วัน คือ 60×35 = 2100 กิโลแคลอรี่
และถ้านางสาวอ้อมต้องการลดน้ำหนักโดยพลังงานลงวันละ 500 กิโลแคลอรี นางสาวอ้อม จะได้รับพลังงานทั้งหมดวันละ 2100 - 500 เท่ากับ 1600 กิโลแคลอรี่
มาต่อเรื่องของอาหารจำกัดพลังงานกันดีกว่า ว่ากินอย่างไรจึงจะเป็นการจำกัดพลังงาน
หลักการโภชนบำบัด
- ไขมัน ควรอยู่ประมาณ 20 - 25% ของพลังงานรวม เพื่อให้ได้รับ essential fatty acid และช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน
- คาร์โบไฮเดรต คือพลังงานส่วนที่เหลือ
- ใยอาหาร ควรให้ถึงปริมาณ 20 - 35 กรัม เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณอาหารให้ดูมากขึ้น และยังช่วยใช้เวลาในการเคี้ยวให้นานขึ้น ทำให้อิ่มเร็ว
ข้อแนะนำในการกำหนดสัดส่วนอาหาร
- นม ควรใช้นมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนยก็ได้
- ผัก ควรใช้ผักตั้งแต่ 3 ส่วนขึ้นไป เนื่องจากผักเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำและทำให้ปริมาณอาหารมากขึ้นได้
- ผลไม้ ควรใช้ตั้งแต่ 3 ส่วนขึ้นไป ควรเลือกใช้ผลไม้ที่มีปริมาณมากใน 1 ส่วน เช่น ฝรั่ง เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณอาหาร
- น้ำตาล ไม่ควรกำหนดให้ใช้น้ำตาล
- ข้าว ขึ้นอยู่กับส่วนของนม ผลไม้ ถ้ามีสัดส่วนของนมหรือผลไม้มาก ก็ควรจะลดข้าวลง
- เนื้อสัตว์ ขึ้นอยู่กับส่วนของนมและข้าว ควรเลือกใช้เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ไก่ไม่ติดหนัง หรือปลา
- ไขมันหรือน้ำมัน เลือกใช้น้ำมันพืชชนิดที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวสูง เช่น น้ํามันรําข้าว
ข้อดีของการใช้อาหารจำกัดพลังงาน
- น้ำหนักตัวลดลง
- ลดขนาดเซลล์ไขมัน
- ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้ถูกต้องและเหมาะสม
ผลกระทบของการใช้อาหารจำกัดพลังงาน
- อาจขาดวิตามินและเกลือแร่บางชนิด
ข้อปฏิบัติของผู้ลดน้ำหนัก
- การลดน้ำหนักไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 0.5 - 1 กิโลกรัม
- ควรรับประทานอาหารทุกมื้อ แต่ลดปริมาณของอาหารลง
- งดอาหารที่มีไขมันสูง
- กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูง แต่มีรสหวานน้อย
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี alcohol
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น